วัดสะกัดน้ำมัน…พิษณุโลก

 วัดสะกัดน้ำมัน…พิษณุโลก


เมื่อนานมาแล้ว เห็นชื่อวัดนี้ก็ว่าแปลกดี สงสัยในใจว่าเขาสกัดน้ำมันอะไร ช่วงนั้นการเจาะน้ำมันปิโตรเลียมที่ลานกระบือ กำแพงเพชรกำลังดัง เป็นอนาคต เป็นความหวังในการพัฒนาประเทศ ในใจก็คิดไปว่าบริเวณแถววัดคงมีการสกัดน้ำมันจากใต้ดินมาแต่โบราณ จนถึงกับนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อวัด…





ต่อเมื่อมีโอกาสได้มาเที่ยววัด เห็นสถานที่ สภาพแวดล้อม และสัมผัสบรรยากาศโดยรอบ  บริเวณวัดค่อนข้างร่มรื่น มีต้นยางนาสูงเด่นท่ามกลางหมู่แมกไม้ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา หรือว่า “สะกัดน้ำมัน” จะมาจากการสกัดน้ำมันจากต้นยางนากันนะ…


จากพระนิพนธ์ “จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก” (พ.ศ.2444) โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กล่าวถึงน้ำมันยางของชาวบ้านแถบวัดสนามคลีต่อแดนเมืองพิจิตรว่า “…แล้วดูเขาทำน้ำมันยาง เขาขายกันปิ๊บละ ๖ สลึง ปิ๊บน้ำมันปิโตรเลียมเปนเครื่องตวง…” และเมื่อย้อนดูสินค้าออกจากมณฑลพิษณุโลก ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๗ น่า ๔๑ ร.ศ.๑๑๙ สำรวจในปี พ.ศ.2441มีรายการสินค้าออก “…น้ำมันยาง ๔,๙๓๑๐ ทนาน ราคาทนาน ละ ๘ อัฐ เงิน ๖,๑๖๓ บาท…” แสดงว่าบริเวณท้องถิ่นแถบนี้มีการสกัดน้ำมันจากต้นยางกันเป็นที่เอิกเกริก มากพอจนเป็นสินค้าออกของมณฑล…






ย้อนไปในวัยเด็ก ไฟฟ้ายังไปไม่ถึงบ้าน เวลาจะก่อไฟหุงหาอาหารถ้ามีขี้ไต้ช่วยก็จะติดไฟได้ง่าย เวลาเดินทางยามค่ำคืนก็ใช้ขี้ไต้แบบเป็นแท่งจุดเป็นคบไฟ ซึ่งส่วนผสมสำคัญในการทำขี้ไต้คือน้ำมันจากต้นยางนา ในการที่จะทำให้ได้น้ำมันออกมา เขาจะเลือกต้นยางนาขนาดใหญ่ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จากนั้นเจาะรูให้สูงพอประมาณที่จะทำงานสะดวก ขยายรูให้ใหญ่พอจะสุมไฟในรูได้ เมื่อสุมไปนาน ๆ ก็จะเป็นแอ่ง เป็นโพรง เวลาต้องการน้ำมันก็สุมไฟในโพรงสักพักแล้วค่อยดับ ทิ้งไว้ข้ามคืนข้ามวัน ก็จะมีน้ำมันดำ ๆ ขังอยู่ในแอ่งโพรงนั้น ต่อเมื่อมีไฟฟ้าเข้าถึง การสกัดน้ำมันก็ค่อย ๆ หมดความสำคัญลง (มาสมัยนี้การสกัดน้ำมันจากต้นยางนาสะดวกขึ้น ไม่ต้องใช้ไฟสุมต้นแล้ว เขาจะใช้สว่านเจาะที่โคนต้นขนาดเสียบสายยางได้พอดี เสียบสายยางเข้าไปที่ต้น อีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับขวด  แล้วทิ้งไว้ให้น้ำมันไหลออกมา น้ำมันที่ได้สามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลได้)…





จากข้อมูลข้างต้นจึงพอเป็นข้อสันนิษฐานส่วนตัวว่า ที่มาของชื่อ “วัดสกัดน้ำมัน” น่าจะมาจากบริเวณวัดมีการสกัดน้ำมันจากต้นยางนากันอย่างดาษดื่นเหนือพื้นที่อื่น และมาเปลี่ยนการเขียนเป็น “สะกัดน้ำมัน” ในปัจจุบัน…


สุวัฒน์  หม่นมั่น


ภาพโดย : FB ศรีสะเกษมีดี, 27 เมษายน 2567.

#วัดสะกัดน้ำมัน #วัดสกัดน้ำมัน #เรื่องเล่าหนุกๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิถีชาวน้ำ…วิถีสองแคว (2)

จาก “ชาโขล” มา “ชะโคล่” จึงมาเป็น “สระโคล่”