บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2024

จาก “ชาโขล” มา “ชะโคล่” จึงมาเป็น “สระโคล่”

รูปภาพ
  จาก “ชาโขล” มา “ชะโคล่” จึงมาเป็น “สระโคล่” ครั้งแรกที่เห็นชื่อ “บ้านสระโคล่” ตำบลหัวรอ ก็สะดุดกับความแปลกของชื่อ ด้วยไม่ค่อยคุ้นกับคำว่า “โคล่” สักเท่าไหร่ ที่เห็นก็มีแต่ “บางโคล่” ชุมชนมอญ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บางกอก แต่เมื่อค้นหาความหมายคำว่า “โคล่” ก็ไม่ได้คำตอบ สันนิษฐานได้เพียงว่า น่าจะมาจากภาษา “มอญ” … เนื่องด้วยมีคำว่า ”สระ” นำหน้า “โคล่” เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่า หมายถึง “สระ” ที่เรียกว่า “โคล่” เมื่อลองสืบค้นดูก็เจอแต่ “คลองสระโคล่” และ “บ้านสระโคล่” ส่วน “สระ” ที่พอจะเป็นที่รู้จักกันแถวนั้นก็มี “สระเก้าห้อง” ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสระเก้าห้อง วัดโบราณที่ในอดีตเคยเป็นวัดร้างมาก่อน… อย่างไรก็ดี โชคก็ช่วยไขปริศนาให้คลายไปได้เปลาะหนึ่ง เมื่อเจอกับคำว่า “ชาโขล” ใน “แผนที่เมืองพิษณุโลกในตำราพิไชยสงคราม” ระบุว่า “ชาโขล” อยู่ห่างจากศูนย์กลางเมือง 185 เส้น ไปทางทิศตะวันออก เฉียงไปทางใต้เล็กน้อย ซึ่งก็พออนุมานได้ว่าหมายถึง “สระโคล่” ในปัจจุบัน…                                     แผนที่...

สมพง...มหาอำมาตย์แห่งไพรพฤกษ์

รูปภาพ
  สมพง...มหาอำมาตย์แห่งไพรพฤกษ์      ขณะกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการอ่านหนังสือ “ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ” ของ จิตร ภูมิศักดิ์  สายตาก็สะดุดกับภาษามอญโบราณคำว่า “สุมฺพงฺ – สมฺเพงฺ (มหาอำมาตย์)” ความคิดก็วิ่งเข้าไปเชื่อมโยงกับต้นสมพง ที่ยืนต้นโดดเด่นอยู่ในพงพนา แม้จะออกเสียงไม่ใกล้กันสักเท่าไหร่แต่รูปอักษรดูใกล้เคียงกันมาก...       ด้วยทรวดทรงสัณฐานของต้นสมพงที่ยืนต้นตระหง่านตรงสูงเสียดฟ้า โคนต้นเป็นพูพอนสูงใหญ่แผ่ขยายกว้าง ทำให้ดูเด่นเป็นสง่า ทรงอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเหล่าบริวารโดยรอบ ดูราวกับว่าเป็นมหาอำมาตย์แห่งไพรพฤกษ์จริง ๆ ...      หลายคนอาจสงสัยว่ารูปทรงยิ่งใหญ่ขนาดนั้นทำไมไม่ยกให้เป็นราชาเลยล่ะ??? ข้อนี้ก็อยู่ที่ตัวต้นสมพงเองที่เป็นไม้เนื้ออ่อน น้ำหนักเบา  ทำให้ดูยังไม่แข็งแกร่งจนถึงขั้นยกให้เป็นราชาแห่งไม้ (ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ )...      ต้นสมพงยังมีชื่อเรียกอื่นแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น สมพุง สะพุง กะปุง กะพง งุ้น ขี้พร้า ขึง บึง ปึง งุ้น  เปว เปอคู่ แ...

วิถีชาวน้ำ…วิถีสองแคว (2)

รูปภาพ
  วิถีชาวน้ำ…วิถีสองแคว(2) เป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองสองแควมีแม่น้ำเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงบำรุงเมืองมาแต่โบราณ การค้าขายตามเส้นทางน้ำที่เฟื่องฟูก็นำพาผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น ทั้งเรือนแพในน้ำ โรงเรือน บ้านพัก ตลาด ทั้งชายตลิ่งและริมฝั่ง…                ชุมชนชาวแพริมแม่น้ำน่าน เมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก" พ.ศ. 2527                             ภาพโดย : Linda De Volder นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส เมื่อบ้านเมืองพัฒนา เศรษฐกิจขยายตัว และประชากรเมืองเพิ่มมากขึ้น ก็มีการขยับขยายกระจายตัวออกไปทำไร่ ทำนา ห่างไกลจากแหล่งน้ำมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น “ที่ชายตลิ่ง” ก็ยังคงมีความสำคัญอยู่ ทั้งในการเป็นเส้นทางสัญจรขึ้นลง แม่น้ำ เพื่อใช้น้ำอุปโภค บริโภค และแหล่งเพาะปลูกพืช ผัก สร้างที่พัก ที่อยู่อาศัย… ปัจจุบันชุมชนริมน้ำ คือ “เรือนแพ” ก็ลดน้อยหายไปตามแรงกดดันของการพัฒนา ต่อมาก็เป็น “ชุมชนริมฝั่ง” ที่ขยับขยายไปทางไหนไม่ได้แล้ว ที่ดินริมฝั่งซึ่ง ปรกติน้ำไม่ท่วมถึง บางหลังสร้างที่อยู่...

วิถีชาวน้ำ…วิถีสองแคว

รูปภาพ
  วิถีชาวน้ำ...วิถีสองแคว ตั้งแต่โบราณกาลนานมาปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนมาลงหลักปักฐานสร้างบ้านแปงเมืองคือแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำธาร  ห้วย หนอง คลอง หรือบึง เมื่อชุมชนขยายตัวมากขึ้น ชุมชนที่มีทางสัญจรติดต่อได้หลากหลายเส้นทางก็เจริญรุ่งเรือง ครึกครื้นกว่าถิ่นอื่นด้วยสะดวกในการเป็นแหล่งรวบรวม แลกเปลี่ยน ซื้อขายสินค้ากับหลากชุมชน หลากวัฒนธรรม... เมื่อชุมชนขยายตัวการเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งจากแรงสร้างของตัวเองและแรงสร้างของธรรมชาติมีมากเกินกว่าการใช้สอยในชุมชนและละแวกใกล้เคียง การเดินทางแลกเปลี่ยน ค้าขายไปยังชุมชนหรือเมืองที่ห่างไกลออกไปจึงเกิดขึ้น... ชุมชนชาวน้ำน่านก็เช่นเดียวกัน  จากต้นน้ำลงมามีชุมชนที่สำคัญคืออุตรดิตถ์  ด้วยเป็นแหล่งรวบรวมขนถ่ายสินค้าจากเมืองแพร่ น่าน และหลวงพระบาง... พิษณุโลก : มุมมองขึ้นไปทางด้านทิศเหนือของลำน้ำน่านด้านล่างขวามือหลังคาสังกะสีคือตลาดยี่สาน(ตลาดขายของแห้ง) ภาพโดย :  Robert Larimore Pendleton,April 1952. “…มีเรือแพแลตลอด ตั้งแต่ท่าอิฐลงมาจนถึงบางโพ ให้นับดูในเวลานี้มีจำนวนแพ ๔๐ หลัง เรือใหญ่ ๒๔๒ ลำ แต่เขาบอกว่าเปนเวลาเรือน้อย ด้...

จากพระอัฏฐารส เมืองพิษณุโลก…สู่พระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา

รูปภาพ
จากพระอัฏฐารส เมืองพิษณุโลก…สู่พระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา      พระศรีสรรเพชญ์ เป็นพระประธานอยู่ในวิหารของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ถูกกล่าวถึงในพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ สรุปความได้ว่า… เมื่อปี พ.ศ. 2043 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงโปรดให้หล่อพระศรีสรรเพชญ์ เป็นพระพุทธรูปยืนสูง 8 วา (ประมาณ 16 เมตร) พระพักตร์ยาว 4 ศอก (ประมาณ 2 เมตร) กว้าง 3 ศอก (ประมาณ 1.5 เมตร) พระอุระกว้าง 11 ศอก (ประมาณ 5.5 เมตร) ใช้ทองหล่อน้ำหนัก 5,300 ชั่ง  ทองคำน้ำหนัก 286 ชั่ง…      นอกจากนี้ยังมีกล่าวถึงในบันทึกของชาวต่างชาติที่น่าสนใจดังนี้… “ส่วนกลางพระอารามแห่งนี้ค่อนข้างจะคับแคบและมืดไปสักหน่อย มีชวาลาจุดตามประทีปไว้ 50ดวง พอไปถึงที่สุดตอนกลางพวกเราก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอันมาก ด้วยได้เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่หุ้มด้วยทองคำหนาถึง 3 นิ้วฟุตทั้งองค์ เป็นความจริงพระพุทธรูปองค์นี้สูงประมาณ 42 ฟุต(ประมาณ 12 เมตรกว่า) ส่วนกว้างประมาณ 13-14 ฟุต เขาพูดกันว่าทองคำที่หุ้มนั้นมีน้ำหนักถึง 12,400,000 ปอนด์ฝรั่งเศส (คิดอย่างน้ำหนักทองคำ) พระองค์นี้เป็นพระพุทธรูปยืน ใหญ่สูงกว่าพระพุทธรูปหล่อ...

วัดอรัญญิก วัดช้างล้อมเมืองพิษณุโลก

รูปภาพ
วัดอรัญญิก…วัดช้างล้อมเมืองพิษณุโลก “อรัญญิก” ชื่อนี้คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กด้วยเป็นตำบลใหญ่ใกล้เมือง ประกอบกับชื่อเสียงของมีดดี ต้อง “มีดอรัญญิก” ซึ่งตอนเด็กก็เข้าใจว่าที่ “อรัญญิกพิษณุโลก” ตีมีดขาย… “วัดอรัญญิก” ช่วงเวลาหนึ่งเคยเรียกว่า “วัดเสด็จ”  ดังปรากฏชื่ออยู่ในแผนที่ของกรมแผนที่ทหารบก พ.ศ.2503 และบริเวณใกล้เคียงก็เรียกว่า “บ้านทุ่งเสด็จ”…                                                      แผนที่โดย : กรมแผนที่ทหารบก พ.ศ.2503 ภาพโดย: หน่วยวิจัยแผนที่และเอกสารประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และเมืองจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อมีโอกาสเข้าไปในวัดอรัญญิกครั้งแรก สิ่งที่สะดุดตาคือ “เจดีย์ทรงแปลก” ดูไม่ได้สัดส่วน แต่ถึงกระนั้นส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังแสดงถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต สมเป็นวัดสำคัญมาแต่ครั้งโบราณ แต่นั่นก็ยังไม่ได้สร้างความประทับใจได้สักเท่าไหร่… ต่อแต่เมื่อมีโอกาสมาอีกครั้งพร้อมเวลาในการพิจารณาที่มากขึ้น ก็รู้สึกได้ว่าพลาดไปแล้ว ที่ไม่ได้ให้ความสนใจเท...

หอไตร…วัดราชบูรณะ พิษณุโลก

รูปภาพ
  หอไตร…วัดราชบูรณะ  พิษณุโลก “หอพระไตรปิฎก” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “หอไตร” นั้น เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก และคัมภีร์ทางศาสนา โดยมีนัยของการสร้างหอไตรคือ เป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหอสมุดประจำวัดสำหรับพระสงฆ์ใช้ศึกษาเล่าเรียน… วัดราชบูรณะ (วัดราชบุรณะ,วัดราษฎร์บุรณะ) เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองพิษณุโลก มีศาสนสถานที่น่าสนใจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ “หอไตร”  หอไตรของวัดราชบูรณะ มีปรากฏมาช้านาน โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย เมื่อปี พ.ศ.2434 โดย ลูเชียน ฟูเนอโร (Lucien Fournereau) นักสำรวจชาวฝรั่งเศส                                                                        ภาพโดย : ลูเชียน  ฟูเนอโร (Lucien Fournereau) .พ.ศ.2434 จากภาพถ่าย เมื่อปี พ.ศ.2434 พอจะบรรยายลักษณะของหอไตรวัดราชบูรณะ ได้ว่า เป็นหอไตร 2 ชั้น มีเสากลมก่อด้วยอิฐ ฉาบปูน เรียงเป็นแถว 4  แถว  4 ด้าน รวมเสาทั้งหมด 16 ต้...

วัดเจดีย์ยอดทอง…เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พิษณุโลก

รูปภาพ
  วัดเจดีย์ยอดทอง… วัดเจดีย์ยอดทอง เป็นวัดที่อยู่นอกกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันออก เส้นทางเดียวกับทางไปวัดอรัญญิกแต่อยู่ใกล้กำแพงเมืองมากกว่า ปรากฏชื่อในเอกสาร การขึ้นทะเบียนโบราณสถานครั้งแรกโดยกรมศิลปากร ในปี พ.ศ.2479 ในชื่อว่า “วัดยอดทอง” ต่อมาพบปรากฏชื่อในแผนที่จังหวัดพิษณุโลก ของกรมแผนที่ทหารบก พ.ศ.2503 ในชื่อว่า “พระเจดีย์ยอดทอง”  มีข้อสังเกตว่า ไม่ได้ลงไว้ว่าเป็น “วัด” อันน่าจะมาจากขณะนั้นมีสภาพเป็นวัดร้าง เหลือสิ่งปลูกสร้างให้เห็นเพียงเจดีย์องค์เดียว กับคูน้ำที่เหลือเกือบรอบองค์เจดีย์ เหมือนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส  กว้างยาวด้านละประมาณ 100 เมตร…                                                  เจดีย์วัดเจดีย์ยอดทอง ก่อนบูรณะ และหลังบูรณะ                                                             ...

“ถนนคลองสุภา”…ชื่อถนนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองพิษณุโลก

รูปภาพ
 ถนนคลองสุภา…ชื่อถนนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองพิษณุโลก …เมื่อครั้งที่ดูแผนที่เมืองพิษณุโลก จากหนังสือ “จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก” พระนิพนธ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยในแผนที่นั้นมีถนนเพียงเส้นเดียวที่มีชื่อเรียก ก็คือ “ถนนคลองสุภา” ดังนั้นก็พอจะถือเอาตอนนี้ได้ว่า ถนนคลองสุภา เป็นชื่อถนนที่เก่าที่สุดในพิษณุโลก ภาพโดย : หนังสือ “จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก” พระนิพนธ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  …นอกจากเป็นถนนเดียวที่มีชื่อในแผนที่นี้แล้ว คำว่า “คลองสุภา” ก็ยิ่งทำให้น่าสงสัยในความสำคัญของชื่อ การเรียก “คลอง” นำหน้าชื่อถนนอาจจะไม่แปลก เพราะคลองกับถนนก็อยู่คู่กันได้  ส่วนที่น่าฉงนคือ คำว่า “สุภา” เมื่ออ่านครั้งแรกก็นึกไปถึงชื่อผู้หญิง แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นชื่อบุคคลใดถึงมีความสำคัญขนาดนำไปเรียกเป็นชื่อคลอง… …จนถึงวันนี้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ด้วยคิดว่ามีข้อสันนิษฐานที่พอจะเชื่อได้ว่า ชื่อ “คลองสุภา” สื่อถึงอะไร… …ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว “คลองสุภา” น่าจะมาจากชื่อเต็มว่า “คลองสุภาวดี” ซึ่งคำว่า “สุภาวดี” มีปรากฏมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย นั่นคือ ตำแหน่ง “จ่าข้าสุภาวด...

บ้านคลอง คลองอยู่ตรงไหน : พิษณุโลก

รูปภาพ
พิษณุโลก : บ้านคลอง คลองอยู่ตรงไหน “บ้านคลอง ทำไมถึงเรียกว่าบ้านคลอง  มีคลองอยู่ตรงไหน” เป็นความสงสัยมาแต่วัยเด็ก  จนมาได้คำตอบ ก็เป็นหมู่บ้านที่มีคลองไง คำตอบง่าย ๆ ไม่น่าคิดมาก  แต่ว่าคลองอยู่ตรงไหนล่ะ... บ้านคลองในอดีตที่มีเอกสารกล่าวถึง คือหนังสือ “จดหมายระยะทางไปพิษณุโลก” พระนิพนธ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยา นริศรานุวัดติวงศ์ ความว่า “…ไปตามถนนคลองสุภา ข้ามกำแพงเมือง แลคู ไปสุดถนนลงที่ คลองบ้านคลอง… ปลายคลองว่าไปออกวัดจันทร์ … เลี้ยวเลียบคันคลองไปข้างใต้ดูหมู่บ้านคลอง …ดูไปสิ้นหมู่บ้านแล้วย้อนกลับมาทางเดิม เลียบคันคลองขึ้นไปข้างเหนือจนถึงปากคลองมีหมู่บ้านตลอด…ที่ปากคลองมีวัดเรียกว่าวัดยาง…” ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่คงเกิดไม่ทันเห็นสภาพคลอง เผอิญว่าผมเป็นคนรุ่นเก่าจึงพอได้ทันเห็นสภาพคลองบ้าง แต่ก็เรียกไม่ได้เต็มปากว่าคลอง เพราะเป็นคลองที่เล็กและไม่ค่อยจะมีน้ำ เรียกว่าคลองดินเสียมากกว่า ถ้าเปรียบกับสภาพปัจจุบัน คลองบ้านคลองเริ่มตั้งแต่แม่น้ำน่าน(แควใหญ่)บริเวณวัดยาง เลียบมาตามถนนปราบไตรจักรในปัจจุบัน ถึงสี่แยกบ้านคลอง ไปตามถนนสีหราชเดโชชัย เลียบถนนมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ถนนไชยานุภาพต่...